ข้อเท็จจริง
ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ได้ผิดนัดชำระหนี้ติดต่อกันเกิน 3 งวด สถาบันการเงินได้มีหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ ลูกหนี้จึงนำเงินมาชำระหนี้คงค้างชำระทั้งหมด สถาบันการเงินจึงลดยอดหนี้ที่ค้างชำระและนำส่งข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ต่อ NCB ด้วยยอดหนี้ที่ลดลงเท่ากับจำนวนเงินที่รับมา และรายงานสถานะบัญชีว่าเป็นปกติ แต่หลังจากนั้น 3 วัน กลับไปฟ้องลูกหนี้และแถลงต่อศาลว่าลูกหนี้ค้างชำระจนถึงวันฟ้องศาล โดยสถาบันการเงินยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดจากการประสานงานภายในทำให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเรื่องฟ้องคดีไม่ทราบว่าลูกหนี้ได้ชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมดแล้ว ซึ่งระหว่างการพิจารณาของศาลลูกหนี้ยังคงผ่อนชำระตามปกติและสถาบันการเงินได้นำส่งข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ต่อ NCB ด้วยสถานะบัญชีปกติและยอดหนี้ที่ลดลงตามที่ลูกหนี้ได้ชำระเรื่อยมา แต่เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดสถาบันการเงินได้นำส่งข้อมูลยอดหนี้ของลูกหนี้ด้วยยอดหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งสูงกว่าหนี้ที่ค้างชำระจริงในขณะนั้น เพราะไม่ได้นำเงินที่รับชำระจากลูกหนี้ตั้งแต่ก่อนฟ้องจนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษามาหักออกก่อนนำส่ง โดยให้เหตุผลว่าลูกหนี้ไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลที่ให้ใช้ราคาทั้งจำนวน แต่ลูกหนี้เป็นฝ่ายมาทยอยชำระเงินให้กับสถาบันการเงินเอง นอกจากนั้น แม้ลูกหนี้ชำระหนี้ปิดบัญชีแล้ว แต่สถาบันการเงินยังคงนำส่งว่ายังมียอดหนี้และรายงานว่าค้างชำระไปอีกกว่า 6 เดือน จึงจะรายงานว่ามีสถานะเป็นปิดบัญชี
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต
สถาบันการเงินนำส่งยอดหนี้คงเหลือหลังศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง เนื่องจากไม่ได้นำเงินที่ได้รับชำระจากลูกหนี้ตั้งแต่ก่อนฟ้องจนถึงงวดก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดมาหักออกจากยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาล ทำให้ยอดหนี้ที่นำส่ง NCB สูงกว่าความเป็นจริง นอกจากนั้น การที่สถาบันการเงินยังคงนำส่งว่าลูกหนี้เป็นหนี้ค้างชำระภายหลังจากที่ลูกหนี้ชำระหนี้ปิดบัญชีไปกว่า 6 เดือนแล้ว เห็นว่า เข้าข่ายปกปิดหรือให้ข้อมูลของลูกหนี้ที่ไม่ถูกต้องแก่ NCB จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545
ข้อเท็จจริง
ลูกหนี้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับสถาบันการเงิน ต่อมาลูกหนี้ขอชำระหนี้เพื่อปิดบัญชีก่อนครบกำหนดสัญญา ซึ่งสถาบันการเงินยอมรับชำระเงินจากลูกหนี้แล้ว แต่กลับนำเงินดังกล่าวไปตั้งพักไว้ในบัญชีพักของสถาบันการเงินเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้นำเงินไปหักชำระหนี้ และรายงานข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ว่าเป็นหนี้ค้างชำระทั้งจำนวน โดยอ้างเพียงว่าลูกหนี้ชำระเงินไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ปิดบัญชี และยังมีข้อโต้แย้งรอเจรจา รวมทั้งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของลูกหนี้ที่อาจไม่ได้รับส่วนลดดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของสัญญาเช่าซื้อ
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต
สถาบันการเงินรับเงินจากลูกหนี้แล้ว แต่ไม่นำเงินดังกล่าวไปหักชำระหนี้ กลับนำไปตั้งพักไว้ในบัญชีพักเป็นระยะเวลานาน และรายงานข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ว่าเป็นหนี้ค้างชำระทั้งจำนวน ถือเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อเท็จจริง
ลูกหนี้ทำสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงิน สัญญากำหนดให้ผ่อนชำระเงินกู้เป็นงวด ๆ ต่อมา ลูกหนี้มีหนังสือขอขยายเวลาชำระหนี้ก่อนวันครบกำหนดเวลาชำระหนี้ และสถาบันการเงินได้อนุมัติขยายระยะเวลาวันครบกำหนดชำระหนี้ให้แล้ว โดยกำหนดเงื่อนไขให้ลูกหนี้ต้องชำระค่าธรรมเนียมการชำระหนี้ล่าช้าตามสัญญาให้ครบถ้วนก่อน ทั้งนี้ปรากฏว่าลูกหนี้ได้ชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าวครบตามเงื่อนไขแล้ว และยังไม่ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ใหม่ แต่ปรากฏว่าสถาบันการเงินได้รายงานข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ว่าเป็นหนี้ค้างชำระ ลูกหนี้แจ้งขอให้สถาบันการเงินแก้ไขข้อมูลประวัติการค้างชำระให้ถูกต้อง แต่สถาบันการเงินไม่ยอมแก้ไขข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต
สถาบันการเงินขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้กับลูกหนี้แล้ว แต่สถาบันการเงินรายงานข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ว่าเป็นหนี้ค้างชำระจึงไม่ถูกต้อง ถือเป็นการปฏิบัติไม่ชอบด้วยมาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อเท็จจริง
สถาบันการเงินได้จ่ายเงินตามเช็คซึ่งเกินจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของลูกค้าไปในวันสิ้นเดือน และนำส่งข้อมูลของลูกค้าให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิตเป็นบัญชีสินเชื่อเงินเบิกเกินบัญชี โดยมียอดหนี้เท่ากับจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชี แต่ต่อมา สถาบันการเงินได้แจ้งบริษัทข้อมูลเครดิตให้แก้ไขข้อมูลยอดหนี้เป็นศูนย์บาท เนื่องจากพิจารณาว่าลูกค้าไม่มีเจตนาที่จะไม่นำเงินเข้าบัญชีภายในเวลาที่กำหนด และเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า แต่เมื่อสถาบันการเงินทราบว่าการแก้ไขข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง จึงได้แจ้งให้บริษัทข้อมูลเครดิตแก้ไขข้อมูลยอดหนี้กลับไปเป็นยอดหนี้เบิกเกินบัญชีตามเดิม
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต
การที่สถาบันการเงินแจ้งบริษัทข้อมูลเครดิตให้แก้ไขข้อมูลของลูกค้าจากเดิมที่มียอดหนี้เบิกเกินบัญชี เป็นยอดหนี้ศูนย์บาท เป็นการแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง แม้ว่าต่อมาจะได้แจ้งบริษัทข้อมูลเครดิตให้แก้ไขข้อมูลให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงแล้วก็ตามแต่การกระทำดังกล่าวยังคงเป็นความผิดอยู่ ประกอบกับเหตุผลคำชี้แจงไม่อาจรับฟังได้ จึงเป็นการปฏิบัติไม่ชอบด้วยมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545
ข้อเท็จจริง
สถาบันการเงินนำส่งข้อมูลของลูกค้าในส่วนของยอดหนี้คงเหลือ โดยรวมค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้และค่าธรรมเนียมบอกเลิกสัญญา
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต
สถาบันการเงินนำส่งข้อมูลของลูกค้าในส่วนของยอดหนี้คงเหลือโดยรวมค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้และค่าธรรมเนียมบอกเลิกสัญญา เป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามข้อ 7 ของประกาศ กคค. เรื่อง อายุข้อมูลในการประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตและการส่งข้อมูลของสมาชิก ลงวันที่ 5 กันยายน 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ระบุว่า ยอดวงเงินที่ใช้ หรือยอดหนี้ที่เกินกำหนดชำระ มิให้รวมค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ หรือค่าใช้จ่ายอื่นไม่ว่าจะเรียกชื่อว่าอย่างไร ดังนั้น จึงเป็นการปฏิบัติไม่ชอบด้วยมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545
ข้อเท็จจริง
ลูกหนี้เริ่มค้างชำระค่างวดการเช่าซื้อรถยนต์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 สถาบันการเงินฟ้องลูกหนี้ในเดือนกันยายน 2559 และศาลได้มีคำพิพากษาในเดือนพฤศจิกายน 2559 ให้ลูกหนี้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 210,000 บาท และให้ชำระค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน 48,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น อีกทั้งให้ชำระค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน 8,000 บาท และชำระค่าขาดประโยชน์อีกเดือนละ 4,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาแทน แต่ไม่เกิน 10 เดือน และให้ลูกหนี้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนสถาบันการเงินเฉพาะค่าขึ้นศาล โดยศาลกำหนดค่าทนายความไว้ 3,000 บาท สถาบันการเงินจึงส่งยอดหนี้คงเหลืองวดเดือนธันวาคม 2559 ให้ NCB ตามจำนวนหนี้ที่ต้องชำระทั้งหมดตามคำพิพากษา รวมทั้งสิ้นประมาณ 279,000 บาท อย่างไรก็ตาม ในเดือนธันวาคม 2559 สถาบันการเงินได้ยึดรถยนต์คืนจากลูกหนี้แล้ว แต่ไม่ได้หักราคารถยนต์ตามคำพิพากษาจำนวน 210,000 บาท ออกจากยอดหนี้คงเหลือที่นำส่ง NCB สถาบันการเงินชี้แจงว่า เนื่องจากยังไม่ได้ขายรถยนต์ที่ยึดจึงไม่ทราบราคาที่จะขายได้ และสถาบันการเงินยังมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายส่วนต่างจากลูกหนี้ได้อีก
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต
สถาบันการเงินนำส่งข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ตั้งแต่งวดเดือนธันวาคม 2559 ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงตามคำพิพากษา โดยข้อมูลยอดหนี้ค้างชำระได้รวมราคารถยนต์ที่ศาลกำหนดจำนวน 210,000 บาท ไว้ด้วย จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามข้อ 10 (1) ของประกาศ กคค. เรื่อง อายุข้อมูลในการประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิต และการส่งข้อมูลของสมาชิก ลงวันที่ 5 กันยายน 2557 การกระทำดังกล่าวของสถาบันการเงินเป็นการนำส่งข้อมูลของลูกค้าของตนที่ไม่ถูกต้องแก่ NCB สถาบันการเงินจึงปฏิบัติไม่ชอบด้วยมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545
ข้อเท็จจริง
ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้จนกลายเป็น NPL และสถาบันการเงินได้ฟ้องลูกหนี้ต่อศาลเพื่อบังคับให้ชําระหนี้ที่ผิดนัด ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ายกฟ้องเนื่องจากไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นรายการเบิกถอนเงินกู้ การคำนวณยอดหนี้เงินกู้ ที่แสดงให้เห็นว่ามีหนี้อยู่ตามจำนวนที่ฟ้องจริง แต่ศาลไม่ได้ตัดสิทธิสถาบันการเงินที่จะไปยื่นฟ้องลูกหนี้เป็นคดีใหม่ สถาบันการเงินควรนำส่งข้อมูลลูกหนี้รายนี้อย่างไร หากการผิดนัดชำระหนี้นั้น ยังไม่เกินกำหนดเวลาห้าปีนับจากวันที่ผิดนัดชำระหนี้ครบ 90 วัน ตามที่กำหนดในข้อ 9 วรรคหนึ่งของประกาศ กคค. เรื่อง อายุข้อมูลในการประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตและการส่งข้อมูลของสมาชิก ลงวันที่ 5 กันยายน 2557
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต
การที่ศาลพิพากษาว่าโจทก์สามารถยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่ได้ อาจทำให้ผลคำพิพากษาของศาลในคดีเดิมเปลี่ยนแปลงได้ จึงยังไม่เข้าหลักการตามข้อ 10 ของประกาศ กคค. เรื่อง อายุข้อมูลในการประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตและการส่งข้อมูลของสมาชิก ลงวันที่ 5 กันยายน 2557 ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว หรือหมายถึง สถาบันการเงินไม่มีเหตุอื่นหรือการดำเนินการอื่นใดที่จะทำให้ผลของคำพิพากษาสามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้อีก
ดังนั้น สถาบันการเงินควรนำส่งข้อมูลเครดิตของลูกหนี้รายนั้น ๆ บนบัญชีสินเชื่อเดิมต่อไป ตามสิทธิเรียกร้องและข้อเท็จจริงในแต่ละช่วงเวลา อาทิ เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องและสถาบันการเงินยังไม่ได้ยื่นฟ้องใหม่ ต้องนำส่งด้วยรหัสสถานะบัญชี 20 - ค้างชำระเกิน 90 วัน จำนวนวันค้างชำระและยอดหนี้ตามข้อเท็จจริง และเมื่อยื่นฟ้องใหม่จึงนำส่งด้วยรหัสสถานะบัญชี 30 - อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย และเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดตามคดีที่ฟ้องใหม่แล้ว ให้สถาบันการเงินนำส่งข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ ให้เป็นไปตามหลักการ ตามข้อ 10 ของประกาศ กคค. เรื่อง อายุข้อมูลในการประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตและการส่งข้อมูลของสมาชิก ลงวันที่ 5 กันยายน 2557 ต่อไป