มุมประชาชน

ข้อควรทราบก่อนยื่นอุทธรณ์ข้อโต้แย้งต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (กคค.)

การอุทธรณ์ข้อโต้แย้ง

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลได้ใช้สิทธิตรวจสอบหรือขอแก้ไขข้อมูลแล้วยังเห็นว่าข้อมูลเครดิตของตนไม่ถูกต้อง และได้ใช้สิทธิบันทึกข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูลเครดิตและไม่อาจหาข้อยุติได้ ซึ่งบริษัทข้อมูลเครดิต หรือสมาชิกได้บันทึกข้อโต้แย้งนั้นในระบบข้อมูลของเจ้าของข้อมูลแล้ว เจ้าของข้อมูลอาจยื่นอุทธรณ์ข้อโต้แย้งต่อ กคค. เพื่อวินิจฉัยชี้ขาดต่อไป โดยเจ้าของข้อมูลต้องดำเนินการดังต่อไปนี้

1. ระบุรายละเอียดของการอุทธรณ์ข้อโต้แย้งข้อมูลเครดิตพร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ธปท. ในฐานะทีมเลขานุการ กคค. (ทีมเลขานุการฯ) อาจติดต่อเจ้าของข้อมูลเพื่อให้ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีที่เห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจนหรือไม่เพียงพอต่อการพิจารณา แต่หากเจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามระยะเวลาอันสมควร จะถือว่าเจ้าของข้อมูลไม่ประสงค์ที่จะอุทธรณ์ข้อโต้แย้งดังกล่าวอีกต่อไป ซึ่งทีมเลขานุการฯ ขอสงวนสิทธิยุติเรื่องอุทธรณ์ข้อโต้แย้งดังกล่าวโดยไม่เสนอ กคค. เพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด

2. ข้อมูลที่ได้ยื่นอุทธรณ์ข้อโต้แย้งต่อ กคค. ต้องเป็นความจริงเท่านั้น การให้ข้อมูลเท็จหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริงอันทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ถือเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ เรื่องอุทธรณ์ข้อโต้แย้งที่ กคค. จะรับไว้วินิจฉัยจะต้องเข้าตามลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้

2.1 เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูลเครดิตหรือการรายงานข้อมูลเครดิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต

2.2 เป็นเรื่องที่ไม่มีประเด็นโต้แย้งข้อเท็จจริงที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ซึ่งคดี ยังไม่ถึงที่สุด

2.3 เป็นเรื่องที่ข้อเท็จจริงตามคำอุทธรณ์ข้อโต้แย้งของเจ้าของข้อมูลไม่ใช่ประเด็นเดิมที่ กคค. ได้เคยพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว เว้นแต่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งเป็นสาระสำคัญและมีผลต่อคำวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าว

3. ในการยื่นอุทธรณ์ข้อโต้แย้งต่อ กคค. เจ้าของข้อมูลต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่ กคค. กำหนด และต้องยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลา 60 วัน นับแต่วันที่ในหนังสือหรือจดหมายที่แจ้งสิทธิการยื่นอุทธรณ์จนถึงวันที่ กคค. ได้รับคำอุทธรณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ กรณีที่ดำเนินการไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เช่น ยังไม่ได้ใช้สิทธิตรวจสอบแก้ไข ข้อมูลเครดิต และ บันทึกข้อโต้แย้ง หรือยื่นอุทธรณ์เกินระยะเวลา ที่กฎหมายกำหนด กคค. มีอำนาจที่จะไม่รับเรื่องอุทธรณ์ข้อโต้แย้งดังกล่าวไว้พิจารณา

4. ทีมเลขานุการฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ได้แก่ ชื่อ - นามสกุล เลขบัตรประจําตัวประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ตลอดจนข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานประกอบการอุทธรณ์ของเจ้าของข้อมูล เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต และเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าของข้อมูลในการใช้สิทธิอุทธรณ์ข้อโต้แย้งต่อ กคค. ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีระยะเวลาการจัดเก็บ 10 ปี หรือเท่าที่จําเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานประกอบของเจ้าของข้อมูลอาจถูกเปิดเผย ส่ง หรือโอนไปยังบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จํากัด สถาบันการเงิน/ผู้ใช้บริการ ซึ่งท่านอุทธรณ์การนําส่งข้อมูลเครดิต ตลอดจนหน่วยงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาข้ออุทธรณ์ของเจ้าของข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการประสานงานหรือพิจารณาดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป

อนึ่ง สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายนั้น สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Privacy Policy) ธปท. ตาม Link : www.bot.or.th/Thai/Privacypolicy/Pages/default.aspx

5. ในการรับเรื่องร้องทุกข์จากเจ้าของข้อมูลเพื่อที่ กคค. จะพิจารณาวินิจฉัยนั้น จะพิจารณาตามแนวทางข้อ 1 ข้อ 2 และ ข้อ 4 ข้างต้นเช่นเดียวกัน

หมายเหตุ ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป คำนิยามของ "สมาชิก" ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นอกจากประกอบด้วยสถาบันการเงิน แล้วจะครอบคลุม ถึงผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อที่ได้รับอนุญาตหรือได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่กำกับดูแลด้วย โดยสมาชิกประเภทผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางฯ จะมีหลักเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติ แตกต่างจากสมาชิกประเภทสถาบันการเงินบางประการด้วย